ท่องเที่ยวอัมพวาฉบับสมบูรณ์ พาชม พาชิมรอบตลาดน้ำยามเย็นอัมพวา

คู่มือท่องเที่ยวอัมพวาฉบับสมบูรณ์

พาชม พาชิม พาชอป ทุกย่านรอบตลาดน้ำยามเย็นอัมพวา

อัมพวา จ. สมุทรสงคราม เมืองเล็กๆ ริมสายน้ำแม่กลอง และดินแดนแห่งสวนผลไม้นานาชนิด ที่นอกจากมีสถานที่ท่องเที่ยวสะดุดตาอย่างตลาดน้ำยามเย็นอัมพวา เป็นแม่เหล็กดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศมาแวะชิมแวะชอปของกินของฝากแสนอร่อยตลอดสองฝั่งคลองแล้ว กิจกรรมล่องเรือดูหิ่งห้อย ที่สองแสงเรืองรองไปทั้งต้นลำพู ท่ามกลางความเงียบสงบยามรัตติกาลก็งดงามน่าประทับใจยิ่งนัก

นอกจากแหล่งท่องเที่ยวมากมายในอัมพวาที่นักเดินทางจำนวนไม่น้อยใฝ่ฝันมาเยือนมาสักครั้งแล้ว อัมพวายังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย ทั้งวัดวาอาราม พิพิธภัณฑ์ ตลาดน้ำอัมพวา รอให้ทุกคนมาท่องเที่ยวและดื่มด่ำกับภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านชาวสวนอันเรียบง่ายแสนสงบ จนรู้สึกราวกับว่า กาลเวลาของที่นี่หมุนเวียนไปอย่างเชื่องช้า และหาดูมาได้ง่ายนักในสังคมเมืองปัจจุบัน ส่วนใครมาแล้วไม่อยากเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับให้รู้สึกเหนื่อยเกินไปนัก จะแวะนอนพักสักคืนสองคืน ที่นี่ก็มีที่พักใกล้ตลาดน้ำยามเย็น หรือจะเป็นรีสอร์ทน่ารักๆ และโฮมสเตย์ในบรรยากาศแบบชาวบ้าน ให้คุณได้นั่งคุยกับคุณตาคุณยาย แล้วตื่นเข้าขึ้นมาใส่บาตรริมฝั่งคลองอีกด้วย

วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ เปลี่ยนบรรยากาศชวนคนรู้ใจ เพื่อนฝูง หรือคนในครอบครัว ไปพักผ่อนนอนเล่นใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบ ไปเดินชิลล์ๆ ริมตลาดนน้ำยามเย็น อัมพวากันดีกว่า เพราะเดินทางแค่แป๊บเดียว ก็จะได้เจอกับสถานที่ท่องเที่ยวเที่ยวมากมาย ให้คุณหอบความสุขจากอัมพวากลับบ้านเต็มกระเป๋า

การเดินทางไปอัมพวา สมุทรสงคราม

อัมพวาอยู่ใกล้กรุงเทพฯ แค่นิดเดียว ใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้ว สามารถเดินทางได้ทั้งรถตู้ รถไฟ หรือจะขับรถยนต์ส่วนตัวไปเอง ก็แป็นทริปที่แสนจะเพลิดเพลินและสนุกได้ตลอดทั้งวัน

>> ขับรถยนต์ส่วนตัวไปอัมพวา จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 ถนนพระราม 2 (สายธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร ผ่านสี่แยกมหาชัย-นาเกลือ ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 63 จะมีทางแยกต่างระดับเข้าตัวเมืองสมุทรสงคราม และมีป้ายบอกมุ่งหน้าสู่อำเภออัมพวาอย่างชัดเจน

>> นั่งรถไฟไปอัมพวา จากสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ มีรถไฟสายวงเวียนใหญ่-มหาชัย ออกทุกวัน ลงรถไฟที่สถานีรถไฟมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร ข้ามเรือจากท่ามหาชัยไปฝั่งท่าฉลอม เพื่อต่อรถไฟที่สถานีรถไฟบ้านแหลมไปยังจังหวัดสมุทรสงคราม หรือจะลงรถไฟที่สถานีรถไฟมหาชัย แล้วต่อรถโดยสารประจำทางไปจังหวัดสมุทรสงคราม สอบถามตารางรถไฟ โทร.0 2465 2017, 0 2890 6260

>> นั่งรถตู้ไปอัมพวา

@ สาย 1 กรุงเทพ-อัมพวา-ดำเนินสะดวก สามารถขึ้นรถได้ที่ใต้ทางด่วนพหลโยธิน ฝั่งสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง5 ค่าโดยสารถึงอัมพวา 100 บาท/คน หรือบริเวณคิวรถตู้ข้างห้างเซ็นจูรี่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ค่าโดยสารคนละ 80 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที รถจอดบริเวณข้างวัดอัมพวันเจติยาราม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.08 4111 6630, 08 766 72391

เวลาบริการ: วันจันทร์-พฤหัสบดี ตั้งแต่ 06.00-19.00 น. ส่วนวันศุกร์-เสาร์- อาทิตย์ ตั้งแต่ 06.00-20.00 น.

@ สาย 2 สาย กรุงเทพ-แม่กลอง (สมุทรสงคราม) เดินทางไป อ.แม่กลอง แล้วต่อรถเพื่อไปอัมพวา

โดยขึ้นรถบริเวณใต้ทางด่วนพหลโยธิน ฝั่งไปสะพานควาย ค่ารถโดยสาร 70 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที รถจอดบริเวณตลาดแม่กลอง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 08 5179 4414, 0 8 0022 8567

เวลาบริการ: วันจันทร์-พฤหัสบดี ตั้งแต่ 06.30-20.00 น. ส่วนวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่ 06.30-21.00 น.

สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตอัมพวา

>> ตลาดน้ำยามเย็นอัมพวา ประวัติความเป็นมาของตลาดน้ำยามเย็นอัมพวา มีจุดเริ่มต้นเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ.2547 ทางเทศบาลตำบลอัมพวา โดยความร่วมมือร่วมใจของประชาชนในท้องถิ่น ได้ฟื้นฟูตลาดน้ำอัมพวาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่ออนุรักษ์ความเป็นอยู่ของชุมชนริมน้ำ โดยใช้ชื่อว่า “ตลาดน้ำยามเย็น” ซึ่งในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวจะรู้จักในนามของตลาดน้ำยามเย็นอัมพวา

ตลาดน้ำอัมพวาจะคึกคักมากในวันวันศุกร์- วันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ในช่วงเวลาเย็นๆเรื่อยไปจนถึงเวลาพลบค่ำ ในคลองอัมพวาจะมีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือขายอาหารและเครื่องดื่ม เช่น หอยทอด ก๋วยเตี๋ยว กาแฟ โอเลี้ยง ขนมหวานต่างๆ และมีรถเข็นขายของบนบกด้วย บรรยากาศสบายๆ มีเพลงฟัง จากเสียงตามสายของชาวชุมชน ทำให้ได้สัมผัสกับธรรมชาติของชีวิตของชุมชนริมน้ำ ซึ่งเป็นที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวสามารถซื้ออาหารมานั่งรับประทาน บริเวณริมคลองอัมพวาติดกับตลาดน้ำ ซึ่งได้มีการจัดสถานที่ไว้บริการอย่างสะดวกสบาย ตลาดน้ำอัมพวายามเย็นเปิดเวลา 15.00-22.00 น.

>> วัดเพชรสมุทรวรวิหาร มาเที่ยวอัมพวาต้องไม่พลาดแวะไปวัดเพชรสมุทรวรวิหาร วัดสำคัญที่สุดในจังหวัดสมุทรสงคราม ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อวัดบ้านแหลมเป็นพระพุทธรูปสำคัญองค์ หนึ่งของไทย ซึ่งไม่ได้เป็นแค่ศูนย์รวมศรัทธาและที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวแม่กลองแห่งเท่านั้น แต่ยังเป็นที่เคารพสักการะอย่างกว้างขวางของชาวไทยทุกสารทิศมานานนับสมัยจน ถึงกับมีคำกล่าวว่า หากไม่ได้มานมัสการหลวงพ่อวัดบ้านแหลมก็เสมือนมาไม่ถึงเมืองสมุทรสงคราม ซึ่งทางวัดเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าสักการะทุกวัน ตั้งแต่เวลา 6.00-17.00 น. นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดเพชรสมุทรยังมีพิพิธภัณฑ์สงฆ์ จัดแสดงพระพุทธรูป และพระเครื่องสมัยต่าง ๆ โบราณวัตถุเครื่องลายคราม และธรรมมาสน์บุษบกสมัยกรุงศรีอยุธยา ปกติไม่เปิดให้เข้าชม หากสนใจอยากเข้าชมต้องติดต่อเจ้าอาวาสก่อนล่วงหน้า

>> ตลาดร่มหุบ เป็นตลาดเก่าแก่มาพอสมควร ตั้งอยู่บนทางรถไฟ สายแม่กลอง-บ้านแหลม พ่อค้า-แม่ค้า จะตั้งแผงขายสินค้าริมสองข้างทางรถไฟ ส่วนลูกค้าก็อาศัยทางรถไฟเป็นถนนเดินซื้อสินค้าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ ถาด กะละมัง ตะกร้า ของบรรดาพ่อค้าแม่ขายทั้งหลายซึ่งมีอยู่มากมาย จะถูกจัดวางเข้าๆออกๆ อย่างเป็นระเบียบและรวดเร็วภายในพริบตา ไม่มีใครได้รับความเสียหายอะไร เลย สร้างความสนุกตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพร่าะพอรถไฟวิ่งผ่าน ก็มีเสียงกางร่มพรึ่บพรั่บขายสินค้ากันต่อไล่ตามหลังขบวนรถไฟทันที แต่ก็ไม่ใช่ว่าจู่ๆ รถไฟจะพรวดพราดมาทันทีหรอกนะ เพราะจะมีเสียงเตือนด้วยเสียงระฆังและสัญญาณธงจากสถานีรถไฟให้เห็นและได้ยินก่อน ดังนั้นเรื่องความปลอดภัยก็ไม่น่ากังวล แต่อย่าเดินเพลินจนเกินไป ดูหน้าดูหลังและคนข้างๆ บ้างก็ดี

ตารางไฟวิ่งผ่านมาตลาดร่มหุบ ปู๊น…ปู๊น เวลารถไฟมา มาเดินเที่ยวที่ตลาดร่มหุบจะได้ดูร่มหุบตลอดทุกครั้งก็ไม่ใช่ ต้องมาให้ถูกเวลาด้วย เพราะร่มจะหุบเมื่อรถไฟเข้าและออกเท่านั้น ซึ่งกำหนด เวลาเดินรถไฟสายแม่กลอง- บ้านแหลม เวลาเข้า-ออก (จำนวน 2 โบกี้)คือ เที่ยวออกเวลา : 6.20 น. , 9.00 น. , 11.30 น. , 15.30 น. เที่ยวเข้าเวลา : 8.30 น. , 11.10 น., 15.30 น. แต่รถไฟไทยก็ยังเป็นรถไฟไทยเวลาก็ย่อมอาจจะคลาดเคลื่อนได้เป็นธรรมดา ดังนั้นเผื่อๆเวลาไว้บ้างก็ดี จะได้ไม่ลมบ่จอย

>> ตลาดน้ำท่าคา ความแปลกของตลาดแห่งนี้คือจะเปิดเฉพาะวัน 2 ค่ำ 7 ค่ำ 12 ค่ำ ทั้งข้างขึ้นและข้างแรมเท่ากับว่าในระยะเวลาเดือนหนึ่ง จะเปิดเพียง 6วัน เท่านั้นทั้งวันที่เปิดตลาดก็ยังเป็นวันตามปฏิทินจันทรคติอีกด้วยจึงต้องเขียนคำเตือนไว้ว่า หากไม่ดูปฏิทินที่มีวันข้างขึ้นข้างแรมก่อนมาแล้วย่อมจะพบกับความผิดหวัง เนื่องจากไม่มีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของนั่นเอง เสน่ห์ของตลาดแห่งนี้คือเป็นตลาดนัดทางน้ำที่ยังคงความเป็นธรรมชาติของวิถีชีวิตชาวบ้านส่วนมากมีอาชีพทำสวนปลูกพืชชนิดต่างๆ เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว จึงพายเรือนำพืชผักและผลไม้จากสวน เช่น พริก หอม กระเทียม น้ำตาลมะพร้าว ฝรั่ง มะพร้าว ชมพู่ ส้มโอมาขาย-แลกเปลี่ยนกัน ปัจจบันเมื่อตลาดเริ่มกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว จึงมีร้านอาหารและเรือขายอาหารการกินมากขึ้น

นอกจากนี้บริเวณ ด้านหน้าทางเข้าตลาดน้ำมีศูนย์ต้อนรับนักท่องเที่ยวของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ตลาดน้ำท่าคา มีสินค้าและผลิตภัณฑ์ในชุมชนจำหน่าย และมีการสาธิตการเคี่ยวตาล หยอดตาล และบริการพาล่องเรือเที่ยวสวน สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ผู้ใหญ่อุไร สีเหลือง ประธานกลุ่มฯ โทร. 0-3474-9380

>> ตลาดน้ำบางน้อย เป็นตลาดน้ำเก่าแก่แห่งหนึ่งมีอายุมากกว่า 100 ปี อยู่ใกล้ๆ ตลาดน้ำอัมพวา เมื่อก่อนตลาดน้ำบางน้อย เป็นที่ค้าขายผลไม้ พืชผลทางการเกษตร จากชาวสวนที่อยู่รอบๆตลาด เช่นมะพร้าว ชมพู่ ส้มโอ มะม่วง และ อาหารทะเลอย่างเช่น ปลาทู กะปิ ถือว่าเป็นย่านค้าขายขนาดใหญ่ ต่อมาพอความเจริญเข้าถึง ทำให้ตลาดน้ำบางน้อยเปลี่ยนจากตลาด กลายเป็นชุมชนเก่าแก่ริมน้ำที่ยังอนุรักษ์ความเป็นอยู่ และวิถีชีวิตริมน้ำอย่างเรียบง่ายให้คงอยู่เหมือนเดิม

ตลาดน้ำบางน้อย เป็นตลาดน้ำที่เปิดขึ้นใหม่อีกครั้ง เมื่อเดือน เมษายน 2552 ที่ผ่านมา ด้วยความร่วมมือของชุมชน ที่จะให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แม้ตลาดแห่งนี้เป็นตลาดเล็กๆ ใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาทีก็ทั่วแล้ว แต่ก็มีสิ่งน่าสนใจซ่อนตัวให้เราค้นหามากมาย โดยเฉพาะบรรยากาศในตลาดซึ่งเป็นห้องแถวไม้อยู่ริมน้ำแม่กลอง มีชาวบ้านมาตั้งโต๊ะขายของที่สำคัญราคาไม่แพงด้วยนะ อีกทั้งของกินอย่างก๋วยเตี๋ยว ก๋วยจั๋บ ข้าวหมูแดง ขนมจีน สนนราคาเริ่มต้นที่ 20 บาทคุณก็อิ่มจนพุงกางเลยล่ะ

>> บ้านครูเอื้อ ตั้งอยู่ริมคลองอัมพวา ตำบลอัมพวา ใกล้ตลาดน้ำอัมพวา ก่อตั้งโดยมูลนิธิสุนทราภรณ์ โดยการนำอาคารไม้โบราณอันเป็นถิ่นกำเนิดของครูเอื้อ สุนทรสนาน เมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้ว มาเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงนิทรรศการประวัติผลงานของครูเอื้อ สำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจค้นคว้าเรื่องราวของเพลงสุนทราภรณ์ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งเปิดให้แฟนเพลงเข้าไปนั่งฟังเพลง ค้นคว้า อ่านหนังสือ นอกจากนี้ยังแสดงของใช้ส่วนตัวของครูเอื้อ และภาพเก่า ๆ ที่หาชมได้ยาก รวมทั้งจำหน่ายของที่ระลึกและผลงานเพลงของครูเอื้อ สุนทรสนาน อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ยังนับเป็นส่วนหนึ่งใน “โครงการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นชาวอัมพวา” ของมูลนิธิชัยพัฒนา ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีฯ อีกด้วย ใครคอเพลงสุนทราภรณ์รายงานตัวด่วนจ้า เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เวลา 11.00-20.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักประชาสัมพันธ์มูลนิธิชัยพัฒนา โทร. 0 2282 4425 ต่อ 116, 117, 0 2252 9881

>> อุทยาน ร. 2 เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ของ มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยในพระบรม ราชูปถัมภ์ เพื่อเป็นการสนองพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานศิลปวัฒนธรรมอันงดงามไว้ เป็นมรดกแก่ชาติ ภายในมีสิ่งที่น่าสนใจได้แก่ พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยภายในประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 2 และจัดแสดงศิลปโบราณวัตถุสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เช่น เครื่องเบญจรงค์ เครื่องถ้วย หัวโขน ห้องชาย รวมทั้งแท่นพระบรรทมซึ่งเชื่อว่าเป็นของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ชานเรือน จัดแสดงตามแบบบ้านไทยโบราณ ตกแต่งด้วยกระถางไม้ดัด ไม้ประดับ

อีกทั้งห้องครัวและห้องน้ำ จัดแสดงลักษณะครัวไทยมีเครื่องหุงต้ม ถ้วยชามและห้องน้ำของชนชั้นกลาง นอกจากนี้ยังมีโรงละครกลางแจ้งและสวนพฤกษชาติเป็นสวนพันธุ์ไม้ในวรรณคดีนานาชนิดและมีร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง จำหน่ายพันธุ์ไม้ให้คุณได้ซื้อกลับไปประดับสวนสวยด้วยนะ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ในวันจันทร์-ศุกร์ เปิดเวลา 08.30-17.00 น. / วันเสาร์-อาทิตย์ เปิดเวลา 08.30-17.30 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 5 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.0 3475 1666

>> วัดอัมพวันเจติการาม วัดแห่งนี้เคยเป็นนิวาสสถานเก่าของหลวงยกกระบัตร (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) และ คุณนาค (สมเด็จพระอมรินทรามาตย์พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 1) และเป็นสถานที่พระราชสมภพของรัชกาลที่ 2 ปัจจุบันป็นพระอารามหลวงชั้นโท พระอุโบสและถาวรวัตถุส่วนใหญ่เป็นศิลปะและสถาปัตยกรรมในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งนับเป็นพระอุโบสถที่มีความงดงามมากๆ นอกจากนี้ยังมีพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ประดิษฐานกลางแจ้งให้คุณได้สักการะกันด้วย เปิดทำการ : ทุกวัน เวลาเปิดทำการ: 08.00 – 16.00

>> พิพิธภัณฑ์ขนมไทย คนกลัวอ้วนอย่าได้ย่างกราย แต่ถ้าสู้ตายก็ลุยกันเลย ที่นี่รวบรวมเอาขนมไทยซึ่งมีความเป็นมาที่ยาวนานตั้งแต่สมัยโบราณหลายร้อยชนิด ล้วนเป็นขนมที่ควรค่าแก่การสืบทอดกรรมวิธีการทำให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ ทั้งยังจะได้รู้จักหน้าตา ส่วนผสม และเคล็ดลับการปรุง แถมยังได้ลองชิมขนมไทย ที่หารับประทานได้ยากในปัจจุบันด้วยนะ จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ เป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิต ให้ผู้เข้าชมได้มีส่วนร่วมกับสิ่งที่ได้สัมผัส แบบเป็นกันเอง เปิดให้ชมวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 10.00-19.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2902 7721

>> อาสนวิหารแม่พระบังเกิด โบสถ์นี้เป็นสถานที่สักการะอันศักดิ์สิทธิ์ของคริสตชนที่อาศัยอยู่โดยรอบ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2433 (ค.ศ. 1890) โดยบาทหลวงเปาโลซัลมอน มิชชันนารีชาวฝรั่งเศส ตัววิหารเป็นศิลปะแบบโกธิคที่สร้างด้วยอิฐเผา ผนังฉาบด้วยปูนตำกับน้ำเชื่อมประสานจากอ้อยใสสีดำ ประดับตกแต่งด้วยกระจกสีชนิด Stain Glass สวยงดงามจากฝรั่งเศส ภายในกว้างขวางและตกแต่งอย่างยิ่งใหญ่มโหฬาร มีรูปปั้น ธรรมาสน์เทศน์ อ่างล้างบาป ขาเทียนลักษณะต่างๆ และรูปแกะสลักบรรยายเกร็ดประวัติในพระคัมภีร์คริสตศาสนา หากจะเดินทางมาเยี่ยมชมอาสนวิหารพระแม่บังเกิดก็อย่ามาในวันจันทร์และอังคารเพราะจะมีการทำพิธีสำคัญเป็นประจำ และอย่าลืมว่าต้องแต่งกายสุภาพเรียบร้อยด้วยนะการเข้าชมควรติดต่อขออนุญาตจากบาทหลวงผู้รับผิดชอบก่อนล่วงหน้า เพื่อติดต่อวิทยากรบรรยาย โทร. 0 3476 1347

>> วัดบางกะพ้อม เข้าวัดทำจิตใจให้แจ่มใสกันอีกสักวัด วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ภายในวิหารเก่าของวัด ผนังวิหารด้านบนเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังลักษณะแตกต่างจากทั่วไป คือ เป็นปูนปั้นลวดลายนูนแสดงเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธประวัติ ผนังวิหารด้านล่างโดยรอบมีช่องเจาะเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป นอกจากนี้กลางวิหารยังประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองขนาดใหญ่ซ้อนกันสี่รอยลดหลั่นกันไป พระพุทธบาทรอยที่ซ้อนลึกที่สุดนั้นเป็นไม้ประดับมุกยังคงหลงเหลือลวดลายงดงามมาก

>> วัดบางกุ้ง เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา และเป็นที่ตั้งค่ายรบโบราณที่มีความสำคัญตามประวัติศาสตร์ ในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์เรียกว่า “ค่ายบางกุ้ง” จนภายหลังจากที่กรุงศรีอยุธยาได้แตกลงแล้ว พระเจ้าตากสินทรงโปรดให้ฟื้นค่ายบางกุ้งแห่งนี้อีกครั้งโดยให้ตั้งกองทหาร ชาวจีนมารักษาค่ายไว้ และใช้เป็นที่รับศึกทัพพม่า โดยทรงยกกองทัพเสริมมาช่วยตีข้าศึกจนแตกพ่ายไปในสงครามครั้งแรกกับพม่า นับแต่สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี ซึ่งได้สร้างขวัญและกำลังใจให้กับเหล่าทหารไทยได้อย่างมาก นอกจากนี้ภายในวัดยังมีความมหัศจรรย์ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยือนไม่ขาดสาย นั่นก็คือโบสถ์ของวัดจะถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ 4 ชนิดด้วยกันคือ โพธิ์ ไทร ไกร กร่าง ทำให้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน Unseen Thailandอีกทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพุทธมณีนิลหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อดำ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ สมัยอยุธยาตอนปลาย เป็นที่เคารพบูชาของคนในท้องถิ่น รวมทั้งภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ เป็นภาพพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมและภาพพระพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่ในซุ้มขนาบ ข้างด้วยอัครสาวกนั่งพนมมือ ซึ่งเก่าแก่แต่ยังคงความงดงามเอาไว้ให้คุณได้ชมกันด้วย เปิดเวลา08.00 – 16.30 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่วัดบางกุ้ง โทร. 0 3476 1631, 08 9014 5681

>> โครงการอัมพวาชัยยานุรักษ์ เ ป็นโครงการที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำริให้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนานำที่ดินที่คุณประยงค์ นาคะวะรังค์ ชาวอัมพวา ที่ได้น้อมเกล้าฯ ถวาย มาดำเนินการพัฒนาให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนอัมพวา แบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนต่าง ๆ ประกอบด้วย ภูมิสังคมและพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง สวนสาธิตการเกษตรเพื่อการเรียนรู้ อาทิ สวนมะพร้าวและพืชต่าง ๆ ร้านค้าชุมชน ลานวัฒนธรรมนาคะวะรังค์ ลานสำหรับจัดกิจกรรมและจำหน่ายของที่ระลึกจากชาวอัมพวา อีกทั้งยังมีร้านอาหารและร้านกาแฟให้คุณได้นั่งดื่มด่ำอิ่มเอมไปกับบรรยากาศน่ารักๆ ขอบอกว่าภายในโครงการมีร้านขายปลาทูแม่กลองทอด หอมม๊ากกกก อร่อยสุดๆ เพราะสดๆ ใหม่ๆ เลยจ้า

>> อนุสรณ์สถานอิน-จัน เรื่องราวชีวิตของแฝดสยามอิน-จัน ฝาแฝดที่มีร่างกายท่อนบนติดกันและสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างปกติยาวนานจน ถึงอายุ 63 ปี ได้รับการกล่าวขานทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในชื่อ “Siamese Twin” จึงมีการสร้างอนสรณ์สถานแห่งนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการรลึกถึง ทั่วบริเวณประดับด้วยต้นไม้ดอกไม้ ด้านหน้ามีสระน้ำขนาดใหญ่ มีอาคารโถงจัดแสดงชีวประวัติของแฝดสยามอิน-จัน “แฝดสยามอิน-จัน” ว่าเกิดที่จังหวัดสมุทรสงครามเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2354 (ค.ศ. 1811) ประมาณปี พ.ศ. 2371-2372 (ค.ศ. 1828-1829) กัปตันคอฟฟินและฮันเตอร์เดินทางมาติดต่อการค้าที่แม่กลอง พบฝาแฝดคู่นี้จึงขอนำกลับไปอเมริกาและอังกฤษ เพื่อเปิดการแสดงในที่ต่างๆ นอกจากชีวประวัติแฝดสยามแล้ว ยังแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็น พิพิธภัณฑ์เรือ รวบรวมเรือพื้นบ้านหลายชนิดมาจัดแสดงไว้เพื่อให้เป็นที่ศึกษาค้นคว้าเกี่ยว กับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวแม่กลอง พิพิธภัณฑ์เรือเปิดตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. เสาร์-อาทิตย์ 08.00-12.00 น . ค่าเข้าชม 15 บาท สอบถามรายละเอียด โทร.0 3471 1333

>> วัดบางแคน้อย เดิมอุโบสถของวัดสร้างบนแพไม้ไผ่ผูกไว้กับต้นโพธิ์ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง ปัจจุบันวัดนี้ได้รับการบูรณะอย่างดี สิ่งที่น่าชมภายในวัด ได้แก่ ผนังภายในพระอุโบสถทำจากไม้สักแกะสลักเป็นเรื่องราวในพุทธประวัติ การประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน และเรื่องพระเจ้าสิบชาติ ลวดลายสวยงามชัดเจนโดยฝีมือช่างแกะสลักจังหวัดเพชรบุรีซึ่งมีชื่อเสียงด้าน การแกะสลักไม้ นับเป็นอุโบสถที่มีความงดงามในศิลปะการแกะสลักไม้ เป็นอุโบสถที่มีความสวยงาม มีคุณค่าทางด้านศิลปะเป็นอย่างยิ่ง จึงถือว่าอุโบสถวัดบางแคน้อยเป็นศิลปะสถานที่มีคุณค่ามาก และถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัดสมุทรสงครามอีกด้วย นอกจากนี้ทางวัดได้จัดสร้างบุษบงแท่นวัชรอาสน เป็นที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไว้ให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะ และภายในกุฏิยังมีหุ่นขี้ผึ้งของสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี อีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3476 1222

กิจกรรมห้ามพลาดเมื่อไปเที่ยวตลาดน้ำยามเย็นอัมพวา

>> ล่องเรือชมหิ่งห้อย คุณสามารถเช่าเรือไปเที่ยวดูหิ่งห้อยในยามค่ำคืนได้ที่ตลาดน้ำอัมพวาหรือจะติดต่อกับที่พักหรือโฮมสเตย์ต่าง ๆ ในอัมพวาก็ได้ ค่าบริการคนละ 60 – 80 บาท หรือจะเหมาลำก้ได้เช่นกัน ตกลำละประมาณ 600-800 บาท โดยใช้เวลาประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง โดยเรือจะล่องไปตามลำน้ำแม่กลอง อากาศเย็นๆ ลมโชยๆ รับรองความโรแมนติกจ้า โดยเรือจะล่องไปตามลำน้ำแม่กลองหรือคลองย่อยต่าง ๆ ที่มีต้นลำพูริมฝั่ง สำหรับข้อปฎิบัติในการชมหิ่งห้อย คือ ไม่ควรส่งเสียงดัง และไม่จับหรือทำสิ่งใดที่รบกวนหิ่งห้อยโดยเด็ดขาด เพื่อให้ธรรมชาติถูกรบกวนน้อยที่สุดและมีหิ่งห้อยให้ชมไปนาน ๆ

>> ขี่จักรยานชมสวน (ไทยถีบ) การปั่นจักรยานชมสวนที่อัมพวา เป็นกิจกรรมที่อยากให้คุณลองทำดู รับประกันว่าคุณจะได้รับความเพลินอย่างเต็มที่และได้รับอากาศบริสุทธิ์จากท้องร่องท้องสวนได้เต็มปอด ตลอดเส้นทางคุณจะได้พบวิถีเกษตร สวนเกษตรปลอดสารพิษ ชมการทำน้ำตาลมะพร้าว เลือกซื้อสินค้าจากสวน ชมการผลิตอาหารแช่อิ่มและผลไม้กลับชาติ ชมสวนสมุนไพร และผักพื้นบ้าน ดูนก ตกกุ้ง ฯลฯ

สำหรับใครที่สนใจอยากขี่จักรยานชมสวน ตอนนี้เขามีบริการจักรยานให้เช่า ภายใต้ชื่อ “ไทยถีบ” พร้อมบริการรับรถ รับคน พิเศษให้กับผู้ใช้บริการ เมื่อใช้บริการกับ “ไทยถีบ ณ อัมพวา” คุณจะได้รับ แผนที่แนะนำเส้นทางการขี่จักรยาน ฟรี! คุณสามารถถีบไปตามเส้นทางที่แนะนำ หรือ ถีบได้ตามใจ ในกรณีปั่นไม่ไหว สามารถเรียกใช้บริการรับรถ รับคน ได้ เพียงแค่โทรหาคอลเซ็นเตอร์ ของสถานีไทยถีบ ณ อัมพวา โดยจะมีจุด Station สำหรับการจอดรถจักรยาน และ พาคุณกลับไปสู่สถานีไทยถีบ เปิดบริการวันจันทร์-พฤหัส 10.00-20.00 น./ เสาร์-อาทิตย์ 10.00-24.00 น โทร. 08 2777 5999

เบอร์โทรศัพท์สำคัญในอัมพวา

- ททท. สำนักงานสมุทรสงคราม โทรศัพท์ 0 3475 2847 – 8

- สถานีตำรวจภูธรสมุทรสงคราม โทรศัพท์  0 3472 0530-5

- โรงพยาบาลสมุทรสงคราม โทรศัพท์ 0 3471 5441-2

- ตำรวจท่องเที่ยว โทรศัพท์ 1155

อัพเดตข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร รีสอร์ทได้ทุกวัน

และกด Like ร่วมเป็นแฟนเพจกับเรา บน Facebook >>คลิกที่นี่เลย!

สามารถส่งกิจกรรมดีๆ ด้านการท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรม-รีสอร์ท หรือสนใจให้ทีมงานไปรีวิว ได้ที่

e-mail: Triptravelgang@gmail.com